วันพุธที่ 27 เมษายน พ.ศ. 2554

อนาคตของเกษตรกรไทย

เมื่อกล่าวถึงเกษตรกรไทย ผู้อ่านหลายท่านคงนึกภาพเกษตกรไทย โดยเฉพาะชาวนาไทยที่จน ลำบาก แต่อนาคตเกษตรกรไทยจะคล้ายๆ กับเกษตรกรต่างประเทศที่พัฒนาแล้ว ผู้อ่านคงสงสัยหรือตั้งคำถามว่าจะเป็นไปได้อย่างไร บางท่านตอบกลับทีเล่นทีจริงว่า ก็เกษตรกรจนๆ ตายหมด หรือแต่เกษตรกรรวยๆ ที่ยังคงอยู่ในอาชีพเกษตร นั่นคือ เกษตรกรไทยในอนาคตจะอยู่ดีกินดี ฝันไปรึเปล่าหลายท่านคงสงสัย

ผู้อ่านลองนึกเล่นๆนะคะ ในอดีตครัวเรือนเกษตรกรเป็นครัวเรือนขนาดใหญ่ มีที่ดินถือครองทำการเกษตรมาก เมื่อกาลเวลาผ่านไป ลูกหลานได้รับมรดกตกทอดจากปู่ยาตายาย ที่ดินผืนใหญ่ถูกซอยลงเป็นแปลงเล็กลงเรื่อยๆ ที่ดินถือครองทางการเกษตรต่อครัวเรือนเล็กลง การทำเกษตรที่เน้นการผลิตเป็นพืชเชิงเดี่ยว มีรายได้ทางเดี่ยวจากการขายพืชหลักนั้นๆ ต้นทุนการผลิตเพิ่มสูงขึ้นตามการพึ่งพิงปัจจัยการผลิตนำเข้าทั้งหลาย ไม่ว่าจะเป็นน้ำมัน ปุ๋ยเคมี (หากท่านลองสังเกตทิศทางการเปลี่ยนแปลงราคาน้ำมันและปุ๋ย จะพบว่ามีทิศทางเดียวกัน นั่นเป็นเพราะปุ๋ยเป็นผลพลอยได้ของน้ำมัน) หากเกษตรกรยังคงทำการเกษตรโดยพึ่งปัจจัยภายนอก ไม่หาวิธีการจัดการต้นทุนได้ ก็คงไม่พ้นทำการเกษตรแล้วเป็นหนี้ สุดท้ายก็ต้องออกจากภาคเกษตร ขายที่ดินทำกิน แล้วเช่าที่ตัวเองทำเกษตร แบ่งผลกำไรให้กับเจ้าของที่รายใหม่ เราเรียกว่า นายทุน เมื่อนายทุนลงทุนซื้อที่ดินทำการเกษตร อาจจะให้เกษตรกรเช่าที่ทำกินต่อ หรือ ลงทุนเงินแล้ว เกษตกรลงทุนแรงงาน กลายเป็นลูกจ้างภาคเกษตร แบ่งผลกำไรกันตามแต่ตกลง นายทุเริ่มมีการเรียนรู้การทำเกษตร ไม่ได้ทำเอง แต่จัดการเป็น มองเห็นผลได้ของอาชีพเกษตรเป็นอาชีพที่มีความมั่นคง ไม่มีวันตาย นายทุนจะผันตัวเป็นผู้จัดการฟาร์ม มีการนำเทคโนโลยีเข้ามาใช้ เพื่อลดปัญหาด้านแรงงาน ทรัพยากรที่ดินที่มีอยู่ในมือ เอื้อให้เกิดการประหยัดต่อขนาด ต้นทุนการผลิตต่ำ ขีดความสามารถการแข่งขันในภาคเกษตรย่อมมากกว่าเกษตรรายย่อย ทางรอดของเกษตรกรรายเล็กหากไม่ดำเนินตามพระราชดำรัสของในหลวงด้วยการทำเกษตรผสมผสาน ตามปรัชญาความพอเพียงของพระองค์ท่าน และยังต้องรวมตัวเป็นกลุ่มเกษตรกรด้วยกัน หรือสหกรณ์ ก็เป็นทางออกหรือทางรอดของเกษตกรรายย่อย แต่การรวมตัวกันของคนไทยไม่ใช่เรื่องง่าย ผู้ที่มีส่วนรับผิดชอบจะต้องเป็นผู้ที่มีจิตสาธารณะ คิดถึงประโยชน์ส่วนรวมมากกว่าประโยชน์ส่วนตน มีความยับยั้งชั่งใจ เพราะการรวมตัวย่อมมีเงินและผลประโยชน์เข้ามาเกี่ยวข้อง สัญชาตญาณการเอาตัวรอดสอนให้มนุษย์เห็นแก่ตัว จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่กลุ่มเกษตรกร หรือสหกรณ์ในประเทศไทยจึงก้าวหน้าช้าอย่างมากเมื่อเทียบกับต่างประเทศ

อาชีพเกษตรอย่างไรก็สำคัญ เรายังต้องกิน ต้องใช้ ผลผลิตจากภาคเกษตรตราบเท่าที่เรายังมีชีวิตอยู่ ดังนั้น เกษตรกรในปัจจุบันคงต้องหันมาเปลี่ยนวิธีทำเกษตรอย่างนักพัฒนา ศึกษาหาความรู้ใหม่ๆ ร่วมมือกับเกษตรกรด้วยกัน อย่าแข่งขันกัน ยึดคติ "ยิ่งให้ยิ่งได้" เมื่อนั้นชัยชนะจะเป็นของเกษตรกรไทย

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น